البحث

عبارات مقترحة:

الحليم

كلمةُ (الحليم) في اللغة صفةٌ مشبَّهة على وزن (فعيل) بمعنى (فاعل)؛...

التواب

التوبةُ هي الرجوع عن الذَّنب، و(التَّوَّاب) اسمٌ من أسماء الله...

الحفي

كلمةُ (الحَفِيِّ) في اللغة هي صفةٌ من الحفاوة، وهي الاهتمامُ...

อะไรที่ต้องทำหลังจากหัจญ์ ?

التايلاندية - ไทย / Phasa Thai

المؤلف ซุฟอัม อุษมาน
القسم مقالات
النوع نصي
اللغة التايلاندية - ไทย / Phasa Thai
المفردات ماذا بعد الحج
หนึ่งในจำนวนเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญหลังจากที่ได้ปฏิบัติอะมัลไปแล้วก็คือ ประเด็นการตอบรับอะมัล ว่ามันถูกรับหรือไม่ ? เพราะการได้รับเตาฟีกให้ปฏิบัติอะมัลศอลิหฺนั้นถือว่าเป็นนิอฺมัตที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่ามันจะไม่สมบูรณ์จนกว่าจะได้รับอีกนิอฺมัตหนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั่นคือนิอฺมัตการตอบรับจากอัลลอฮฺ

التفاصيل

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ อะไรที่ต้องทำหลังจากหัจญ์ ? หนึ่งในจำนวนเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญหลังจากที่ได้ปฏิบัติอะมัลไปแล้วก็คือประเด็นการตอบรับอะมัลว่ามันถูกรับหรือไม่ ? เพราะการได้รับเตาฟีกให้ปฏิบัติอะมัลศอลิหฺนั้นถือว่าเป็นนิอฺมัตที่ยิ่งใหญ่แต่ว่ามันจะไม่สมบูรณ์จนกว่าจะได้รับอีกนิอฺมัตหนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั่นคือนิอฺมัตการตอบรับจากอัลลอฮฺ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะหลังจากที่เสร็จสิ้นจากภารกิจหัจญ์ที่บ่าวคนหนึ่งได้ทุ่มเทเหนื่อยยากฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมายแต่หากมันกลับไม่ถูกรับแล้วละก็ยังจะมีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกเล่า ? ย่อมเป็นเรื่องที่เสียหายมากแค่ไหนถ้าหากอะมัลที่คนผู้หนึ่งได้ทำไปกลับถูกปฏิเสธเขาต้องพบกับความเสียหายที่ชัดเจนเป็นแน่แท้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เมื่อได้รู้แล้วว่ามีงานมากมายที่ถูกปฏิเสธและไม่ถูกรับจากผู้ปฏิบัติเนื่องด้วยสาเหตุต่างๆมากมายย่อมเป็นสิ่งที่สมควรต้องรู้เช่นเดียวกันว่ามีสาเหตุอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยให้อะมัลนั้นถูกตอบรับถ้าหากบ่าวพบว่ามันมีอยู่ในตัวเขาก็จงสรรเสริญอัลลอฮฺและจงยืนหยัดทำต่อไปบนแนวทางนั้นและหากไม่พบว่ามีอยู่ในตัวเขาก็จงให้ความสำคัญเสียตั้งแต่บัดนี้ด้วยการทำอะมัลด้วยความทุ่มเทและบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺ ในจำนวนมูลเหตุที่จะทำให้อะมัลศอลิหฺนั้นถูกตอบรับก็คือ 1. การมองว่าอะมัลที่ได้ปฏิบัติไปนั้นเป็นเพียงความพยายามเพียงเล็กน้อยและไม่มีอาการโอ้อวดหรือลำพองตนกับสิ่งที่ได้ปฏิบัติไป เพราะแท้จริงแล้วมนุษย์นั้นถึงแม้ว่าเขาได้ทำอะไรไปมากมายแค่ไหนก็ตามก็ยังไม่นับว่าได้ทำหน้าที่ขอบคุณต่อนิอฺมัตของอัลลอฮฺแม้เพียงนิอฺมัตเดียวที่ปรากฏอยู่บนร่างกายของเขาได้เลยไม่ว่าจะเป็นหูตาลิ้นหรืออื่นๆและยังไม่นับว่าได้ทำหน้าที่ทดแทนสิทธิของอัลลอฮฺจนครบแล้วเพราะสิทธิของอัลลอฮฺนั้นมีเหลือคณานับเหนือตัวเขา ดังนั้นหนึ่งในคุณลักษณะของผู้ที่บริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺก็คือเขาต้องมองว่าอะมัลที่ได้ปฏิบัติไปเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้นและไม่ถือว่ามันมีค่ามากมายเท่าใดเลยเพื่อไม่ให้เกิดการโอ้อวดกับสิ่งที่ตนได้ทำไปและไม่มีอาการลำพองตนที่อาจจะทำลายผลบุญของเขาและไม่เป็นสาเหตุให้เกิดความรู้สึกเกียจคร้านที่จะทำความดีต่อไป สิ่งที่จะช่วยให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวก็คือการรู้จักอัลลอฮฺและได้ประจักษ์ถึงนิอฺมัตต่างๆอันมากมายของพระองค์รวมถึงการนึกถึงบาปและความบกพร่องของตนเอง ลองเราพิจารณาดูสิว่าอัลลอฮฺได้สั่งเสียนบีของพระองค์ไว้อย่างไรหลังจากที่ทรงสั่งใช้ให้ท่านทำในเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากพระองค์ตรัสว่า ﴿يَا أَيُّهَا الْمُدَّثِّرُ ( 1 ) قُمْ فَأَنذِرْ ( 2 ) وَرَبَّكَ فَكَبِّرْ ( 3 ) وَثِيَابَكَ فَطَهِّرْ (4) وَالرُّجْزَ فَاهْجُرْ ( 5 ) وَلَا تَمْنُن تَسْتَكْثِرُ ( 6 ) ﴾ (المدثر) ความว่า“โอ้ผู้ที่ห่มกายเอ๋ยจงลุกขึ้นแล้วเตือนข่าวร้ายเถิดจงกล่าวตักบีรสรรเสริญต่อพระผู้อภิบาลของเจ้าจงทำความสะอาดเสื้อผ้าของเจ้าจงหลีกห่างจากความสกปรกโสมมจงอย่าอวดอ้างว่าได้ทำงานอย่างมากมายแล้ว" (อัล-มุดดัษษิรฺ1-6) 2. การกลัวว่าอะมัลที่ทำไปจะถูกปฏิเสธและไม่ถูกตอบรับแท้จริงแล้วบรรดาสะลัฟศอลิหฺนั้นต่างได้ให้ความสำคัญกับการตอบรับอะมัลมากเป็นอย่างยิ่งกระทั่งพวกเขาถึงกับอยู่ในสภาพแห่งความหวาดกลัวและหวั่นเกรงอัลลอฮฺได้ตรัสถึงสภาพของพวกเขาว่า ﴿وَالَّذِينَ يُؤْتُونَ مَا آتَوا وَّقُلُوبُهُمْ وَجِلَةٌ أَنَّهُمْ إِلَى رَبِّهِمْ رَاجِعُونَ﴾ (المؤمنون : 60 ) ความว่า“และบรรดาผู้ที่บริจาคสิ่งที่พวกเขาได้ให้ออกไปโดยที่จิตใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความหวั่นเกรงว่าแท้จริงพวกเขาต้องกลับไปหาพระเจ้าของพวกเขา"(อัล-มุอ์มินูน60) ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้อธิบายอายะฮฺนี้ว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ถือศีลอดละหมาดบริจาคและกลัวว่าการงานเหล่านั้นจะไม่ถูกตอบรับจากพวกเขา และได้มีรายงานจากท่านอะลีเราะฎิยัลลอฮุอันฮุว่าท่านได้กล่าวว่าพวกท่านจงให้ความสำคัญกับการตอบรับอะมัลมากกว่าที่พวกท่านให้ความสำคัญต่อตัวของอะมัลนั้นเสียเองพวกท่านไม่ได้ฟังที่อัลลอฮฺตรัสไว้หรือว่า ﴿إِنَّمَا يَتَقَبَّلُ اللهُ مِنَ الْمُتَّقِينَ﴾ (المائدة : 27 ) ความว่า“แท้จริงแล้วอัลลอฮฺจะทรงรับจากบรรดาผู้ที่ยำเกรง" (อัล-มาอิดะฮฺ27) 3. การมีความหวังและขอดุอาอ์ให้มาก แท้จริงการหวั่นเกรงรต่ออัลลอฮฺนั้นไม่เพียงพอทว่าต้องมีคู่ตรงข้ามของมันนั่นคือการหวังต่อพระองค์เพราะการหวาดกลัวโดยไม่มีความหวังเป็นเหตุทำให้เกิดความท้อถอยและหมดหวังส่วนการหวังโดยไม่มีความกลัวจะทำให้เกิดมูลเหตุของความรู้สึกว่าปลอดภัยจากการลงโทษของอัลลอฮฺซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่น่าตำหนิทั้งสิ้นและมีผลเสียต่อความเชื่อและอิบาดะฮฺของมนุษย์ การหวังว่าอัลลอฮฺจะรับอะมัลพร้อมๆกับการกลัวว่ามันจะถูกปฏิเสธสามารถก่อให้เกิดความรู้สึกนอบน้อมถ่อมตนต่ออัลลอฮฺได้แล้วอีมานก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเหตุนั้นเมื่อมีความหวังมนุษย์ก็จะยกมือทั้งสองของเขาเพื่อวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงรับงานของเขาเพราะพระองค์ผู้ทรงเอกะเท่านั้นที่ทรงสามารถทำเช่นนั้นได้และนี่ก็คือสิ่งที่บิดาของเราท่านนบีอิบรอฮีมและอิสมาอีลอะลัยฮิมัสสลามได้เคยทำเป็นตัวอย่างให้เรามาแล้วเช่นที่อัลลอฮฺได้เล่าถึงพวกเขาเอาไว้เมื่อครั้งที่ทั้งสองได้สร้างกะอฺบะฮฺว่า ﴿وَإِذْ يَرْفَعُ إِبْرَاهِيمُ الْقَوَاعِدَ مِنَ الْبَيْتِ وَإِسْمَاعِيلُ رَبَّنَا تَقَبَّلْ مِنَّا إِنَّكَ أَنتَ السَّمِيعُ الْعَلِيمُ﴾ (البقرة : 127 ) ความว่า “และจงรำลึกถึงขณะที่อิบรอฮีมและอิสมาอีลได้ก่อฐานของบ้านหลังนั้นให้สูงขึ้น (ทั้งสองได้กล่าววิงวอนว่า) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของพวกข้าพระองค์โปรดรับ(งาน)จากพวกข้าพระองค์ด้วยเถิดแท้จริงพระองค์นั้นทรงได้ยินและทรงรอบรู้" (อัล-บะเกาะเราะฮฺ127) 4. อิสติฆฟารขออภัยโทษให้มาก ไม่ว่ามนุษย์จะพยายามมากแค่ไหนเพื่อทำอะมัลของเขาให้สมบูรณ์แท้จริงแล้วเขาย่อมต้องประสบกับการขาดตกบกพร่องอย่างเลี่ยงไม่พ้นดังนั้นอัลลอฮฺจึงได้สอนพวกเราว่าควรจะปรับปรุงแก้ตัวต่อส่วนที่บกพร่องอย่างไรพระองค์ได้สั่งให้เรากล่าวอิสติฆฟารหลังจากที่ได้ทำอิบาดะฮฺต่างๆเสร็จสิ้นพระองค์ตรัสไว้หลังจากที่ได้กล่าวถึงภารกิจต่างๆในหัจญ์ว่า ﴿ثُمَّ أَفِيضُواْ مِنْ حَيْثُ أَفَاضَ النَّاسُ وَاسْتَغْفِرُواْ اللهَ إِنَّ اللهَ غَفُورٌ رَّحِيمٌ﴾ (البقرة : 199 ) ความว่า“แล้วพวกเจ้าจงหลั่งไหลกันออกไปจากที่ที่ผู้คนได้หลั่งไหลกันออกไปและจงขออภัยต่ออัลลอฮฺเถิดแท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ" (อัล-บะเกาะเราะฮฺ199) และพระองค์ได้สั่งนบีของพระองค์เมื่อได้มาถึงบั้นปลายชีวิตของท่านที่เต็มไปด้วยการอิบาดะฮฺและการญิฮาดต่อสู้ในหนทางของพระองค์อัลลอฮฺว่าให้ท่านนบีกล่าวอิสติฆฟาร ﴿إِذَا جَاء نَصْرُ اللهِ وَالْفَتْحُ ( 1 ) وَرَأَيْتَ النَّاسَ يَدْخُلُونَ فِي دِينِ اللهِ أَفْوَاجاً ( 2 ) فَسَبِّحْ بِحَمْدِ رَبِّكَ وَاسْتَغْفِرْهُ إِنَّهُ كَانَ تَوَّاباً ( 3 ) ﴾ (النصر) ความว่า“เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮฺและการพิชิตได้มาถึงแล้วและเจ้าได้เห็นประชาชนเข้าในศาสนาของอัลลอฮฺเป็นหมู่ๆดังนั้นจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้าและจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิดแท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ" (สูเราะฮฺอัน-นัศรฺ) ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมจึงได้กล่าวในรุกูอฺและสุญูดว่า «سبحانك اللهم ربنا وبحمدك، اللهم اغفر لي» رواه البخاري. ความว่า“มหาบริสุทธิ์ยิ่งโอ้พระผู้อภิบาลแห่งเราและด้วยการสรรเสริญสดุดีพระองค์โอ้พระผู้อภิบาลแห่งเราขอทรงอภัยโทษให้แก่ข้าด้วยเถิด" (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์) และทุกครั้งหลังละหมาดท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมจะกล่าวว่า“อัสตัฆฟิรุลลอฮฺ"สามครั้ง 5. การทำความดีให้มากแท้จริงความดีนั้นเปรียบเสมือนต้นไม้ที่สง่างามมันต้องการการรดน้ำและการดูแลเอาใจใส่เพื่อให้มันเติบโตและแข็งแรงและให้มันออกดอกออกผลและหนึ่งในเครื่องหมายว่าการงานที่ดีนั้นถูกรับแล้วก็คือการได้ทำความดีต่อเนื่องหลังจากนั้นเพราะความดีหนึ่งมักจะเรียกหาความดีอื่นๆด้วยเหมือนกับมันได้กล่าวเรียกว่านั่นพี่น้องของฉันนี่พี่น้องของฉันและนี่ก็เป็นความเมตตาและบุญคุณความประเสริฐของอัลลอฮฺที่ทรงให้เกียรติบ่าวของพระองค์เมื่อเขาได้ทำดีและบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ด้วยการที่พระองค์เปิดประตูสู่ความดีงามอื่นๆอีก เพื่อให้เขาได้ใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น และประเด็นที่สำคัญที่สุดที่เรามีความต้องการในขณะนี้ก็คือต้องรักษาความต่อเนื่องในการปฏิบัติอะมัลศอลิหฺของเราที่เคยทำมาแล้วโดยต้องดูแลรักษามันและเพิ่มมันขึ้นเรื่อยๆทีละเล็กทีละน้อยและนี่ก็คือการอิสติกอมะฮฺนั่นเอง แปลโดยย่อจากเว็บ //www.saaid.net/mktarat/hajj/85.htm

المرفقات

2

อะไรที่ต้องทำหลังจากหัจญ์ ?
อะไรที่ต้องทำหลังจากหัจญ์ ?